ขั้นตอนการใช้งานกาวซีเมนต์แบบผง อย่างถูกต้อง

กาวซีเมนต์

จากประสบการณ์ในงานก่อสร้างมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะในงานปูกระเบื้อง มาสู่การแก้ปัญหาการปูกระเบื้อง เนื่องจากเป็นงานที่มีปัญหามากมาย ช่างก่อสร้างที่ขาดประสบการณ์อาจแก้ไม่ตกและทำให้งานออกมาเสียหาย หรือไม่สวยงามอย่างที่ต้องการ ในการเลือกใช้กาวซีเมนต์ เพราะกาวซีเมนต์ที่มีขายอยู่ในท้องตลาดจะมีมากมายหลายประเภท

 แต่ละประเภทก็มีรายละเอียดปลีกย่อยมากมายอาจทำให้ผู้ใช้เกิดความสับสน ทั้งเรื่องของขนาด และประเภทของกระเบื้อง การดูดซึมน้ำ และพื้นที่ในการติดตั้ง เรามองเห็นปัญหาตรงจุดนี้จึงต้องเลือกใช้งานกาวซีเมนต์ ที่สามารถติดตั้งได้กับทุกพื้นที่ อีกทั้งยังผสมง่าย ไม่ยุ่งยาก และยังไม่ติดเกรียง และยืดเวลาสำหรับการจัดแต่งแนวกระเบื้องให้ประณีตได้สวยงาม และให้นานออกไป

ขั้นตอนการใช้งานกาวซีเมนต์แบบผง

1. ขั้นตอนการเตรียมพื้นผิว ต้องทำความสะอาดพื้นผิวที่จะทำการติดตั้งให้สะอาด ปราศจากฝุ่น น้ำมัน และ สกปรกต่าง ๆ โดยเฉพาะคราบปูนเก่า

2. ขั้นตอนการผสมกาว หนึ่งในคุณสมบัติพิเศษของกาวซีเมนต์ คือ สามารถผสมง่าย โดยอัตราส่วนกาว 1 ถุง น้ำสะอาดปริมาตร 5.0-5.5 ลิตร ผสมให้เข้ากันประมาณ 5 นาที เมื่อส่วนผสมเข้ากันดีแล้วปล่อยทิ้งไว้สัก 5 นาที เพื่อให้สารเคมีบ่รับตัว ก็พร้อมใช้งาน โดยต้องใช้งานให้หมดภายใน 2 ชั่วโมง ทั้งนี้เพื่อประสิทธิภาพของกาวซีเมนต์ที่สูงสุด

3. ขั้นตอนการปาดกาวลงบนพื้นผิวที่จะติดตั้งกระเบื้อง คือ ควรใช้เกรียงปาดกาวลงไปบริเวณที่จะติดตั้ง กาวทั่ว ๆ ไปจะเกิดปัญหากาวติดเกรียงหวี ยากต่อการใช้งาน แต่กาวซีเมนต์คุณภาพสูงจะมีคุณลักษณะที่ไม่ติดเกรียงหวี ทำให้การติดตั้งกระเบื้องกลายเป็นเรื่องง่าย ๆ และ ประหยัดเวลาในการทำงาน เพิ่มประสิทธิภาพของงานให้มากขึ้น ทำให้งานมีความเรียบและสวยงาม จากนั้นใช้เกรียงหวีด้านร่องปาดครูดเอียงให้เป็นร่องประมาณ 45 องศา และมีความหนา 3-5 มิลลิเมตร ปาดกาวด้านหลังกระเบื้องที่จะติดตั้งให้ทั่ว จะได้ไม่มีช่องวางอากาศเหลืออยู่

4. การติดตั้งกระเบื้อง เมื่อปาดกาวลงพื้นผิวที่จะติดตั้งแล้ว ให้มีระยะเวลาเซ็ตตัวเล็กน้อย เพื่อช่างจะได้มีเวลาจัดแต่งแนวกระเบื้องได้นานอีก 30 นาที ทำให้การแต่งแนวกระเบื้องกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นเพราะมีเวลานานขึ้น ทำให้งานที่ออกมานั้นดูเรียบร้อยขึ้น เมื่อจัดแนวกระเบื้องเสร็จแล้ว ให้เคาะกระเบื้องเบา ๆ เพื่อให้กระเบื้องติดกับ กาวซีเมนต์ แน่นขันและติดเต็มแผ่น เว้นร่องไว้สำหรับยาแนวด้วย

5. มาถึงขั้นตอนการยาแนวกระเบื้อง ให้ทิ้งไว้ประมาณ 24 ชั่วโมง เพื่อรอให้งานที่ทำไว้แห้งสนิทเสียก่อน แล้วจึงลงมือทำการยาแนวตามร่องที่เว้นไว้ให้สวยงาม

ทำอย่างไรเมื่อบ้านของคุณเจอกับปัญหาปลวก

ราคากำจัดปลวก

ปลวกเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่ต้องการอยากจะเจออยากจะให้เข้ามาในบ้าน เพราะเจ้าสัตว์พวกนี้ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลยเมื่อมันเข้ามาอยู่ในบ้านของเรา มีแต่จะสร้างความเสียหายเท่านั้น ซึ่งบางทีความเสียหายก็มากมายเกินจะทำใจได้ เช่น บ้านเสียหายทั้งหลัง แบบนี้เป็นต้น การใช้บริการบริษัทกำจัดปลวกที่มี ราคากำจัดปลวก ดีๆ จะช่วยให้บ้านของคุณปลอดภัยได้

ก่อนที่จะเรียกใช้บริการบริษัทกำจัดปลวก ถ้าหากว่าพวกปลวกเริ่มเข้ามาอยู่ในบ้านและยังไม่ได้มีปริมาณมากนัก ควรจะทำอย่างไรดี มีวิธีการอย่างไรบ้างที่เราสามารถกำจัดและป้องกันพวกปลวกเหล่านั้นได้ โดยที่ไม่ต้องงเสียเงินเรียกผู้เชี่ยวชาญ

1.สำรวจบริเวณที่มีปลวก

ก่อนอื่นคุณต้องสังเกตก่อนว่าบริเวณที่มีปลวกมีบริเวณไหนบ้าง เพราะถ้ามันเข้ามาในบ้านได้พวกมันไม่อยู่เพียงแค่ที่เดียวแน่นอน ควรสำรวจดูบริเวณใกล้เคียงทั้งหมดเสียก่อน และจะได้กำจัดในครั้งเดียวให้สิ้นซากไปเลย โดยเฉพาะในส่วนของบ้านที่เป็นห้องงมืดๆ ห้องที่มีความชื้นและบริเวณที่มีเฟอร์นิเจอร์ไม่อยู่เยอะ นั่นจะเป็นแหล่งหลบซ่อนของปลวกอย่างดีเลยทีเดียว

2.เก็บกวาดอาหารของพวกปลวก

หากคุณไม่ต้องการจ้างบริษัทกำจัดปลวกที่มี ราคากำจัดปลวก สูงๆ ล่ะก็ วิธีที่จะช่วยให้บ้านของคุณปลวดภัยได้ก็คือให้เก็บกวาดสิ่งงของที่เป็นอาหารของปลวกออกไปให้หมดก่อน เช่น พวกเศษไม้ที่เหลือจากการก่อสร้าง หรือจะเป็นเศษกระดาษเศษที่เหลือจากกล่องพัสดุ ของเหล่านี้จะเป็นอาหารอย่างดีของพวกปลวก ถ้าหากเราไม่รีบเก็บออกไปให้หมดก่อน พวกปลวกก็ไม่มีทางที่จะหายไปจากบ้านได้

3.นำเฟอร์นิเจอร์มาตากแดด

วิธีนี้เป็นวิธีการกำจัดปลวกที่ง่ายที่สุด หากคุณพบเห็นเฟอร์นิเจอร์ในบ้านของคุณมีปลวกเข้ามากัดกิน ให้ยกเฟอร์นิเจอร์เหล่านั้นออกมาตากแดดจัดๆ ทันที เพราะพวกปลวกจะไม่สามารถทนแดดแรงๆ ได้ เนื่องจากปลวกเป็นสัตว์ที่อยู่กับความมืดเท่านั้น หลังจากที่นำออกมาตากแดดแล้ว ก็ควรสำรวจเส้นทางเดินของพวกปลวกต่อไปด้วยว่าพวกมันลามไปยังที่อื่นอีกหรือเปล่า จะได้หาทางป้องกันเอาไว้ก่อน

4.เลี้ยงนักล่า

วิธีการเลี้ยงสัตว์ที่ล่าปลวกเป็น ราคากำจัดปลวก ที่ถูกหรืออาจจะไม่ต้องเสียเงินเลยแม้แต่บาทเดียว สำหรับสัตว์ที่ถือว่าเป็นศัตรูตัวร่ายของพวกปลวกก็คือไส้เดือนฝอย ซึ่งไส้เดือนฝอยจะทำหน้าที่ในการกินพวกปลวกที่อาศัยอยู่ใต้ดินให้มีปริมาณน้อยลง จนกระทั่งหมดไปโดยที่เราไม่ต้องไปใช้สารเคมีกำจัดเลย อีกอย่างพวกไส้เดือนก็ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับบ้านของเราด้วย มีแต่ประโยชน์ทั้งนั้น

5.กำจัดความชื้น

ควรหมั่นสำรวจบริเวณบ้านอยู่เสมอว่ามีบริเวณใดที่มีน้ำรั่วหรือว่ามีความชื้นอยู่มากๆ นั่นอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกปลวกเข้ามาอาศัย หากพบเจอให้ทำการจัดการความชื้นออกไปทันที เช่นการใช้คอนกรีตถม

ทั้งหมดนี้ก็เป็นการป้องกันปลวกและกำจัดที่มี ราคากำจัดปลวก น้อยมาก และใช้ได้ผลดีด้วย ดังนั้นหากคุณกำลังเจอกับปัญหาปลวกอยู่ วิธีการที่แนะนำไปทั้งหมดสามารถเอาไปใช้ได้เลย

3 ปัจจัยที่คุณควรมี เครื่องฟอกอากาศ ในรถยนต์

เครื่องฟอกอากาศ ในรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี

ไม่ใช่แค่ในบ้านเท่านั้นที่ต้องการอากาศที่สะอาดบริสุทธิ์ แม้กระทั่งพื้นที่เล็กๆอย่างรถยนต์เองก็ต้องการไม่แพ้กัน เพราะบางคนใช้เวลาอยู่ในรถยนต์ค่อนข้างนานต่อวันและภายในรถก็สามารถสะสมสิ่งสกปรกได้ถ้าหากทำความสะอาดได้ไม่ดีพอ เพราะฉะนั้นมันจึงดีกว่าถ้าจะมีเครื่องฟอกอากาศขนาดเล็กสักตัวติดรถยนต์เอาไว้เพื่อความมั่นใจว่าจะได้หายใจด้วยอากาศที่สะอาดบริสุทธิ์ตลอดเวลาเมื่ออยู่ในรถยนต์ แต่การจะซื้อ เครื่องฟอกอากาศ ในรถยนต์ ให้ตอบโจทย์ความต้องการนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ว่าแต่จะมีอะไรบ้างนั้น มาดูกันค่ะ

รถยนต์ - เครื่องฟอกอากาศ ในรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี
  1. เลือกจากชนิดเครื่องฟอกอากาศ เครื่องฟอกอากาศ ในรถยนต์แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆคือ ประเภทที่ใช้ระบบปล่อยไออนกับประเภทที่ใช้แผ่นกรองอากาศ สำหรับแบบใช้ไอออนนอกจากจะช่วยฟอกอากาศได้แล้ว ยังช่วยกำจัดกลิ่นอับ กลิ่นอาหาร กลิ่นเหม็นอื่นๆที่ติดอยู่ในรถยนต์รวมไปเชื้อโรคต่างๆด้วย มันจึงเหมาะมากสำหรับผู้ที่ต้องการมากกว่าการฟอกอากาศ แถมยังช่วยลดไฟฟ้าสถิต ทำให้ลดการยึดเกาะระหว่างฝุ่นหรือขนสัตว์กับเสื้อผ้าอีกด้วย เหมาะกับผู้ที่เลี้ยงสัตว์อย่างสุนัขหรือแมวมากๆ ส่วนประเภทที่ใช้แผ่นกรองจะเน้นการทำงานในเรื่องการดักจับอนุภาคขนาดเล็ก โดยเฉพาะฝุ่นจิ๋ว PM 2.5 ใครที่ต้องทำงานหรือขับรถเป็นเวลานานๆอยู่ในเมืองใหญ่ๆอย่างกรุงเทพฯ ควรซื้อมาติดรถเอาไว้ มั่นใจได้เลยว่าอากาศภายในรถจะสะอาดมากขึ้นอย่างแน่นอน
  2. พิจารณาจากการติดตั้ง เครื่องฟอกอากาศ ในรถยนต์มีการดีไซน์รูปแบบอยู่ 2-3 ดีไซน์ด้วยกันคือ ติดตั้งกับช่องแอร์หรือช่องเสียบบุหรี่กับอีกแบบหนึ่งคือไม่จำเป็นต้องติดตั้ง สามารถวางตรงไหนก็ได้ตามใจชอบ สำหรับแบบแรกนั้นก็จะติดตั้งได้ไม่ยาก ไม่ต้องคอยชาร์จพลังงานเพราะได้พลังงานโดยตรงจากรถยนต์ แต่มีข้อเสียคือไม่สามารถย้ายตำแหน่งได้  แต่ถ้าใครชอบย้ายพื้นที่จัดวางหรือต้องการนำไปใช้ที่อื่นนอกจากในรถยนต์ ก็แนะนำให้ซื้อแบบที่สองมาใช้จะดีกว่า
  3. การชาร์จพลังงาน เครื่องฟอกอากาศ ในรถยนต์ ส่วนใหญ่จะสามารถชาร์จพลังงานด้วยการเสียบเข้ากับช่องเสียบบุหรี่ แต่ถ้ารถยนต์เป็นรุ่นที่ใหม่มากๆก็อาจจะไม่มีช่องเสียบบุหรี่มาให้ เพราะฉะนั้นอาจจะใช้กับช่องเสียบ USB แทนหรือใช้เครื่องฟอกอากาศที่ใช้ระบบชาร์จไฟระบบอื่นเช่น ชาร์จจากพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นต้น

            การเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ ในรถยนต์ไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด เพียงแต่ต้องดูว่ารถยนต์ของตัวเองนั้นเป็นอย่างไรแล้วต้องการประโยชน์ในด้านใดบ้างจากเครื่องฟอกอากาศ ถ้าหากตอบคำถาม 2-3 ข้อนี้ได้ รับรองว่าสามารถเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ได้ตอบโจทย์ความต้องการอย่างแน่นอน

แหล่งข้อมูล : https://www.bwellairpurifier.com/products/car-air-purifier/

“มากินที่นี่” ทะยานสู่ร้านอาหารที่ดีที่สุดในกรุงเทพ

                ของถูกและดียังมีอยู่จริงแน่นอน โดยเฉพาะถ้าเป็นเรื่องอาหาร เช่นเดียวกับร้านอาหารชื่อเก๋ ๆ กวน ๆ อย่างร้าน “มากินที่นี่” หรือ “Markintiny Restaurant” ที่เป็นที่นิยมของเหล่าชาวต่างชาติ เราจึงอยากเชิญชวนชาวไทยแบบเรา ๆ มาค้นพบขุมทรัพย์ความอร่อยจากร้านอาหารที่ดีที่สุดในกรุงเทพเล็ก ๆ และอบอุ่นแห่งนี้ไปพร้อม ๆ กัน

ทำไมถึงต้องมากินที่นี่?

                “มากินที่นี่” คือร้านอาหารที่ผสานความบ้าน ๆ กับความอินเตอร์รวมไว้ด้วยกันอย่างมีชั้นเชิง อาหารเลิศรสที่ได้มาจากรสมือของแม่ครัวที่ยิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลา พาเอาหัวใจคนรอกินก็อบอุ่นมีความสุขไปด้วย สมกับเป็นร้านอาหารที่ดีที่สุดในกรุงเทพแน่นอน

                บรรยากาศในร้านที่เต็มไปด้วยชาวต่างชาติที่กระตือรือร้น อยากสัมผัสกับอาหารไทยแบบรสคนไทยดั้งเดิมจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเมนูต้ม ผัด แกง ทอด แม่ครัวใจดีก็รังสรรค์ออกมาได้อร่อยถูกปากทั้งไทยทั้งเทศ อีกทั้งยังมีเมนูผักล้วน และใส่ใจคนทานอย่างที่สามารถสัมผัสได้ไม่ยาก ซึ่งแม่ครัวของร้านมากินที่นี่นั้นน่ารักมาก ๆ จริง ๆ เพราะไม่ว่าใครที่ผ่านเวียนไปเป็นต้องขอถ่ายรูปคู่เก็บไว้ด้วยรอยยิ้ม เพราะการใส่ใจกับอาหารทุกจาน อีกทั้งยังอัธยาศัยดี ซึ่งยิ่งขับให้ร้านอาหารร้านนี้มีบรรยากาศที่น่ารักมากยิ่งขึ้นไปอีก

มาที่นี่ กินอะไรดี?

                เมนูที่ขึ้นชื่ออย่างพะแนงหมูคือเมนูแรกที่ต้องไม่พลาด ใครที่ชอบแบบรสชาติไทยเข้ม ๆ หมูนุ่ม ๆ เครื่องเทศหอม ๆ ที่เข้ากันได้ดีกับข้าวสวยร้อน ๆ ที่ไม่ว่าใครที่ได้ลองชิมต้องออกปากชม แล้วกลับมาซ้ำเมนูนี้อย่างแน่นอน และมีเมนูอาหารไทยอร่อย ๆ อีกหลายเมนู เช่น ต้มข่า แกงเขียวหวาน ต้มยำ ผัดไทย แม้แต่อาหารจานเดียวก็มีให้บริการ เรียกว่าไม่เสียชื่อร้านอาหารที่ดีที่สุดในกรุงเทพแน่นอน แถมร้านนี้ยังเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 10:00 น ถึง 22:00 มาลองทานกันได้ตั้งแต่เช้ายันเย็นเลยทีเดียว

                หรือใครที่ไม่สะดวกมาแถวสี่พระยา พระราม 4 ก็สามารถสั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชันได้ง่าย ๆ ได้ทานอร่อยไม่แพ้ที่ร้าน และถ้าพูดถึงเรื่องราคาก็ต้องยิ่งร้องว้าวซ้ำสอง เพราะราคาถือว่าถูกมาก เมื่อเทียบกับปริมาณ คุณภาพ และรสชาติอร่อย ๆ ที่ได้มาจากอาหารในแต่ละจาน และมันไม่ง่ายเลยจริง ๆ ที่เราจะพบเจอร้านอร่อย ๆ แบบนี้ ในราคาเพียงแค่นี้ เติมแต่งความสมบูรณ์แบบไปด้วยการบริการยอดเยี่ยมเช่นนี้ เพราะมากินที่นี่เองก็ได้ใบประกาศนียบัตรความเป็นเลิศทางด้านบริการ ในปี 2019 จากเว็บไซต์ชื่อดังอย่าง TripAdvisor เช่นกัน

                ร้านอาหารที่ดีที่สุดในกรุงเทพไม่ได้มีเพียงแค่ร้านเดียว แต่ “มากินที่นี่” หรือ “Markintiny Restaurant” ย่อมเป็นร้านที่พูดได้เต็มปากแน่นอนว่าดีที่สุด ไม่ว่าจะไปทานที่ร้านเอาบรรยากาศ หรือสั่งมาทานแบบเอาสะดวก สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยแม้แต่น้อยคือความอร่อยจัดจ้านในรสชาติ และคุณภาพของวัตถุดิบที่แม่ครัวนำมาประกอบอาหารอร่อย ๆ ให้พวกเราทานกันในราคาย่อมเยา ที่ถูกเสียจนน่าตกใจ และมั่นใจได้เลยว่าหากได้ชิมจะกลายเป็นร้านประจำของใครหลาย ๆ คนอย่างแน่นอน

อากาศร้อนๆ อย่างนี้ไปกระโดดน้ำที่ไหนดี

สถานที่เที่ยว

บ้านเรา เวลาร้อนนนี่ ก็ร้อนแทบจะไหม้เป็นหมูย่าง จนบางคนแทบจะเป็นฮีทสโตรกเลยก็มี สิ่งที่จะช่วยได้ก็คือ การหาอะไรเย็นๆ มาคลายร้อนนั่นเอง และวิธีคลายร้อนที่ดีที่สุด ก็คงจะไม่พ้นการกระโดดน้ำนี่แหละ ที่เย็นฉ่ำกายฉ่ำใจมากที่สุด ทำให้สถานที่ที่เป็นพวกน้ำตก หรือแก่ง ต่างๆ เป็นสถานที่โปรดปราณของนักท่องเที่ยวทั้งหลาย ที่อยากจะไปคลายร้อนแบบนี้

และบ้านเราเอง สถานที่เที่ยวประเภทน้ำตกก็เยอะมากเหมือนกัน เหมาะแก่การไปเที่ยวอย่างยิ่ง คนที่ยังไม่รู้ว่าจะไปเที่ยวที่ไหน เราก็มีสถานที่ ที่เขาว่ากันว่าเด็ดๆ มาแนะนำให้ดูกัน เผื่อใครอยากจะวางแผนไปเที่ยวบ้างก็ได้ รับรองว่าฟินถึงใจแน่นอน

-เขื่อนเชี่ยวหลาน จ.สุราษฎร์ธานี สถานที่นี้ขึ้นชื่อเรื่องความสวยอยู่แล้ว ที่พิเศษก็คือ มีแพให้นักท่องเที่ยวได้พายชมความงามโดยรอบ และน้ำที่ใส่สะอาดเย็นฉ่ำตลอดทั้งปี จนมีคนขนานนามให้ว่า เป็นกุ้ยหลินของเมืองไทย หน้าร้อนอย่างนี้ เหมาะมากกับการไปกระโดดน้ำ ต้องลองไปเที่ยวดู แล้วจะประทับใจแน่นอน

-ล่องแพเขื่อนศรีนครินทร์ จ.กาญจนบุรี ที่กาญจนบุรี ขึ้นชื่ออยู่แล้ว ในเรื่องของการท่องเที่ยวแบบล่องแพ ที่นี่น้ำเก็บตลอดทั้งปี เราสามารถไปชมความงามของสถานที่ได้ตลอด และชมความงามของธรรมชาติได้ นอกจากนี้ ในเขื่อนยังมีพวกเครื่องเล่นต่างๆ ให้เราได้เล่นอีกด้วย เป็นสถานที่คลายร้อนได้ดีอีกที่หนึ่งเลย

– ล่องแพแม่วาง จ.เชียงใหม่ สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นที่ชื่นชอบของคนไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นที่ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติให้ความสนใจมากด้วย ด้วยความสวยงามของสถานที่ ความพิเศษของที่นี่คือ มีแพไม้ไผ่ให้เราได้ล่องชมวิวด้วย

ชมความงามของธรรมชาติ หรือจะกระโดน้ำก็ได้เช่นกัน นอกจากนั้นก็ยังมีอาหารมากมาย ให้เราได้ทานกัน การแต่งร้านก็ตกแต่งด้วยธรรมชาติจากไม้ไผ่ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในป่าจริงๆ เป็นสถานที่ที่คลายร้อนได้เหมาะอย่างยิ่ง โดยเฉพาะคนที่อย่างภาคเหนือ ก็อาจจะได้เปรียบหน่อย เพราะอยู่ใกล้ เดินทางสะดวก

-ล่องแพไทรโยค จ.กาญจนบุรี คนที่อยู่ใกล้กรุงเทพ หรือทำงานทางภาคกลาง ถ้าอยากจะล่องแพล่ะก็ ที่กาญจนบุรี ถือว่าคำตอบที่ดีที่สุด ที่น้ำตกไทรโยค มีบรรยากาศที่พิเศษกว่าทุกที่ก็คือ บรรยากาศโดยรอบนั้น ล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติ มีแพกลางสายน้ำให้เราได้ลงไปพักผ่อน และกระโดดน้ำได้ด้วย ยิ่งไปกับเพื่อนหลายคน ยิ่งสนุกมากยิ่งขึ้น ไปทำกิจกรรมร่วมกัน คนที่อยู่ทางภาคกลางสามารถไปได้สะดวก เพราะไม่ไกลมาก

-เขื่อนกิ่วลม จังหวัดลำปาง เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวทางภาคเหนือ ที่คนนิยมไปเที่ยวกันมาก ความพิเศษของเขื่อนกิ่วลมก็คือ เราสามารถล่องแพได้ด้วย ตัวเขื่อนล้อมรอบไปด้วยภูเขา ทำให้บรรยากาศดูร่มรื่นมากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากนั้นเรายังสามารถดูวิถีชีวิตของชาว ที่มาจับปลาแถวนั้นได้ด้วย เป็นอะไรที่พิเศษมากๆ

ทั้งหมดนี้เป็นที่ท่องเที่ยว ที่ถือว่าเป็นที่สุดแล้ว ในการล่องแพ และการสัมผัสความเย็นฉ่ำของสายน้ำในช่วงหน้าร้อน คนที่อยู่ใกล้สถานที่ใดบ้าง ก็ลองวางแผนไปเที่ยวดู ว่าจะสวยสมคำร่ำลือหรือเปล่า

ที่เที่ยวใกล้กรุงเทพ สถานที่ผ่อนคลายไปเช้าเย็นกลับได้

ที่เที่ยวใกล้กรุงเทพ

การได้เที่ยว เป็นสิ่งที่หลายๆ คน ชอบมาก เพราะมันหมายถึงการได้พักผ่อน การได้เติมพลังให้กับชีวิตตัวเอง ให้มีแรงมาสู้กับงานมากกว่าเดิม มีงานวิจัยเผยว่า คนที่อยู่ในวัยทำงานนั้น มักมีโรคเครียดมากกว่าคนปรกติ อย่างเช่นเครียดเรื่องเงินไม่พอใช้ เรื่องเพื่อนร่วมงาน หรือเรื่องเจ้านายก็ตาม ยิ่งคนที่ทำงานในเมืองใหญ่ๆ ที่มีคนแออัดอย่างกรุงเทพ ก็ยิ่งมีความเครียดสูงมากเท่านั้น จากสภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่ สิ่งที่จะช่วยบรรเทาความเครียดเหล่านี้ได้ก็คือ การท่อเที่ยวนั่นเองเราก็มีสถานที่ท่องเที่ยวให้กับคนที่อยู่ใกล้กรุงเทพ ได้ไปเที่ยวกัน เป็นสถานที่ใกล้ๆ สามารถไปเช้าเย็นกลับได้เลย กลับมาทำงานวันรุ่งขึ้นทันแน่นอน มีที่ไหนบ้าง ที่เราจะต้องไปให้ได้

-น้ำตกสาริกา จังหวัดนครนายก คนที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวธรรมชาติเช่นน้ำตก ที่นครนายกถือว่าไม่ควรพลาดเลย เป็นจังหวัดที่ใกล้กรุงเทพมาก ขับรถไม่ถึง 5 ชั่วโมงก็ถึงแล้ว บรรยากาศน้ำตกที่นี่ ให้ความร่มรื่นและเย็นฉ่ำอย่างยิ่ง เหมาะที่จะมากระโดดน้ำ โดยเฉพาะหน้าร้อนแบบนี้ นอกเหนือจากน้ำตกสาลิกา ที่นคานายกก็ยังมีน้ำตกอีกหลายแหล่ง อย่างเช่นน้ำตกนางรอง น้ำตกวังตะไคล้ เขื่อนขุนด่านปราการชล สถานที่ทุกที่ เหมาะแก่การพักผ่อน และถ่ายรูปมาก การเดินทางก็สะดวกสบาย ต้องลองมาเที่ยวให้ได้ แล้วจะติดใจแน่นอน

-บางแสน จังหวัดชลบุรี เป็นชายหาดที่ขึ้นชื่ออีกแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี คนที่ชอบการเที่ยวทะเล ไม่ควรพลาดเลย แค่ขึ้นมอเตอรเวย์ไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงแล้ว มีบรรยากาศชายหาด และสถานบันเทิงมากมายอยู่ที่บางแสน เหมาะแก่การพักผ่อนมาก ด้วยระยะทางที่ใกล้ และสถานที่ที่สวยงาม คนที่ชอบทะเล ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงเลย

-บางกะเจ้า จังหวัดสมุทรปราการ เวลาทำงานมาหนักๆ ธรรมชาติเท่านั้น ที่จะช่วยให้สุขภาพจิตเราดีขึ้น สถานที่ท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพที่นี่ เหมาะมากที่คนในกรุงเทพจะต้องไปให้ได้ ถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของคนที่ทำงานในกรุงเทพเลยก็ว่าได้ เป็นธรรมชาติ และมีอากาศบริสุทธิ์ให้เราได้สูด นอกจากนั้น เรายังสามารถปั่นจักยานชมธรรมชาติรอบๆ ได้อีกด้วย คนที่ไม่มีเวลาไปเที่ยวใกลๆ ที่จังหวัดสมุทรปราการนี่แหละ เหมาะที่สุด

-จังหวัดพระนครศรีอยุธยา คนที่ชอบท่องเที่ยวแนวเมืองเก่า หรือบรรยากาศย้อนยุค จังหวัดอยุธยาคือตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว ที่นี่มีสถานที่สวยงามมากมายทางประวัติศาสตร์ อย่างเช่น  อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา  พระราชวังบางปะอิน ทำให้เราได้สัมผัสบรรยากาศของคนในยุคก่อน ว่ามีความเป็นอยู่อย่างไร และธรรมชาติโดยรอบก็สวยงามไม่แพ้กัน เป็นสถานที่ผ่อนคลาย และถ่ายรูปสวยด้วย คนที่อยู่กรุงเทพเหมาะมากที่จะมาเที่ยว เพราะด้วยระยะทางที่ไม่ไกลมาก ถือว่าคุ้มค่าแน่นอนที่จำมาเที่ยวจังหวัดพระนคาศรีอยุธยา แถมยังได้ของฝากที่ขึ้นชื่อของที่นี่ด้วย นั่นก็คือโรตีสายไหม

ใครที่ยังไม่มีแผนการเที่ยวอะไร หรือไม่เคยได้เที่ยวเลยในวันหยุด ลองหันมาวางแผนเที่ยวสถานที่ใกล้ๆ ที่บอกไปข้างต้นดู เพราะมันไม่เสียเวลาอะไรมากมาย เราสามารถที่จะขับรถ หรือนั่งรถโดยสารไปเช้า เย็นกลับไปนอน พรุ่งนี้ไปทำงานต่อได้เลย เป็นการเติมพลังให้กับชีวิตของเราด้วย ไม่งั้นเราอาจจะเป็นโรคเครียดสะสมก็ได้

จะเที่ยวภูเขา ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

สถานที่ท่องเที่ยว

บ้านเรามีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย แทบจะครบหมดทุกอย่าง จนคนต่างชาติอิจฉาว่าประเทศไทย มีสถานที่สวยามมากมาย โดที่ไม่จำเป็นจะต้องไปเที่ยวต่างประเทศเลย ทั้งทะเล ภูเขา น้ำตก และสถานที่ทางประวัติศาสตร์ บอกเลยว่า แค่เที่ยวในประเทศอย่างเดียวก็แทบจะไม่หมดแล้ว เพราะมันเยอะมากเหลือเกิน

สำหรับคนที่ชอบเที่ยวธรรมชาติอย่างเช่นภูเขาโดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวนั้น เป็นสิ่งที่หลายคนชอบมาก คนที่ยังไม่เคยไปเที่ยวภูเขามาก่อน ก็อาจจะยังไม่รู้ ว่าต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง แต่คนที่เคยไปเที่ยวมาบ่อย ก็อาจจะรู้แล้ว ว่าต้องเตรียมอะไร เราก็มีวิธีการเตรียมพร้อม สำหรับการเที่ยวภูเขา ให้ทริปของเรานั้น เป็นทริปที่มีความสุขมากที่สุด มาดูว่ามีอะไรบ้างที่เราต้องพร้อม

-หาข้อมูลก่อน เราต้องรู้ก่อนว่า เราอยากจะไปเที่ยวที่ไหน จังหวัดอะไร ภูเขาอะไร และต้องดูว่าข้อมูลรายละเอียด เกี่ยวกับสถานที่ที่เราจะไปนั้นมีอะไรบ้าง เส้นทางในการเดินขึ้นภูเขานั้นเป็นอย่างไร สามารถขับรถขึ้นไปเองได้ หรือว่าต้องเดินขึ้นไปอย่างเดียว และต้องแบกของเองอย่างเดียว พวกนี้ถือว่าสำคัญทั้งสิ้น ในการเตรียมตัวก่อนการไปเที่ยว เพราะบางที่ เราไม่สามารถเอารถขึ้นไปอย่างเช่น ภูกระดึง จ.เลย ทีต้องเดินเท้าเท่านั้น

-เตรียมจองรถ คนที่ไม่มีรถส่วนตัว ก็ต้องจองรถโดยสารเท่านั้น หากเราวางแผนจะไปเที่ยวแล้ว สิ่งที่ลืมไม่ได้เด็ดขาดนั่นก็คือ การเตรียมจองรถนั่นเอง อย่าคิดว่าจะไปซื้อเอาที่สถานีขนส่งเท่านั้น เพราะบางที มันอาจจะไม่ทันแล้วก็ได้ อาจจะทำให้ทริปของเราล่ม ควรจองล่วงหน้าหลายๆ วัน จะปลอดภัยมากที่สุด โดยเฉพาะช่วงเทศกาล บางทีเราต้องจองล่วงหน้าเป็นเดือนด้วย เพราะคนส่วนใหญ่ นิยมเที่ยวกันในช่วงเทศกาลกันทั้งนั้น อย่างเช่นช่วงปีใหม่ ที่คนมักจะไปท้าลมหนาวบนภูเขากันเยอะ

-หาที่พัก การไปเที่ยวภูเขา มันอาจจะลำบากหน่อย ในเรื่องการหาที่พัก บางทีที่พักบนภูเขามันอาจจะไม่พอ เราต้องหาข้อมูลก่อน ว่าเราจะไปพักอย่างไร ต้องเตรียมอุปกรณ์อะไรเพิ่มบ้าง อย่างเช่นพวกเต้นท์ บางทีการไปหาเอาข้างหน้า ก็อาจจะไม่สะดวกก็ได้ ต้องเตรียมตัวให้พร้อมเสียก่อน ไม่เช่นนั้นเราอาจจะไม่มีที่พักก็ได้

-อุปกรณ์กันหนาว แน่นอนว่า เมื่อเราขึ้นไปบนภูเขา อากาศมันก็ต้องหนาวกว่าข้างล่างอยู่แล้ว การเตรียมอุปกรณ์กันหนาว ถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก อย่างเช่นเสื้อกันหนาว รองเท้า ถึงเท้า เป็นต้นที่ขาดไม่ได้ และต้องเตรียมไปให้ดีด้วย เพราะภูเขาบางที่นั้น อุณหภูมิ มันก็ต่ำกว่า 0 องศาก็มี เราจะไปหาซื้อเอาข้างหน้าก็คงไม่เหมาะแน่นอน

-อุปกรณ์เบ็ดเตล็ด อย่างเช่นอุปกรณ์ในการปีนเขา พวกรองเท้าปีนเขา ยากันแมลงเช่นพวกทาก ที่มักจะมีทุกที่ตามสถานที่ที่เป็นภูเขาหรือป่า และพวกยากันยุงต่างๆ ที่ต้องเตรียมให้พร้อมก่อนออกเดินทาง

ทั้งหมดนี้ ถือว่าเป็นข้อมูลที่สำคัญ สำหรับคนที่อยากจะเดินป่า ที่จะต้องเตรียมความพร้อมก่อน อย่าเอาแบบอะไรก็ได้ เดินทางไปงั้นๆ โดยที่ไม่ห้อข้อมูล หรือเตรียมพร้อมอะไร แบบนั้นเราจะเที่ยวไม่สนุกแน่ ต้องวางแผนกันเนิ่นๆ แบบนี้แหละ